BLOGGER TEMPLATES AND TWITTER BACKGROUNDS

กิโลเมตรที่ ๒ พระประสงค์ของพระเจ้า

กิโลเมตรที่ ๒
พระประสงค์ของพระเจ้า
พระประสงค์ของพระเจ้า คือ ใบผ่านทางเข้าสู่ประตูสวรรค์

๑๗.  หน้าที่การงานของคุณ ณ ขณะปัจจุบัน
นั่นแหละ คือ พระประสงค์ของพระเจ้า สำหรับคุณ

๑๘.  มีหลายคนที่อาจจะไม่ยอมแบกรับกางเขนของตนหรือแม้แต่ของใครก็ตาม
อาจเพราะพวกเขายังคิดว่ากางเขนนั้นมันหนักเกินไป
ส่วนอีกหลายคนก็รับแบกกางเกงของคนอื่น ๆ ไว้บนบ่า
แต่กลับปฏิเสธกางเขนของตัวเอง

๑๙.  จงทำให้หน้าที่การงานของคุณศักดิ์สิทธิ์และให้ความศักดิ์สิทธิ์นั้นช่วยเหลือคนอื่น
คุณจงเติบโตขึ้นในความศักดิ์สิทธิ์ โดยการทำหน้าที่ในชีวิตคุณให้ดีที่สุด

๒๐.  ถ้าหากว่าเราทุกคนซื่อสัตย์ต่อหน้าที่การงานในชีวิต
การเติบโตในความศักดิ์ของแต่ละคนจะทำให้หัวใจของเราได้รับการเยียวยา
และในทางเดียวกันจะนำไปสู่การเยียวยาครอบครัวและโลกด้วย

๒๑.  คิดกันแบบง่าย ๆ ถ้าคนหนึ่งที่ละเลยต่อภาระหน้าที่ในชีวิตของเขา
เขาคนนั้นก็คือ นักบุญจอมปลอม
และเช่นกัน ถ้าเขาทำงานแบบหามรุ่งหามค่ำ ก็อาจจะไม่ถูกกาลเทศะ
และอาจกลายเป็นสาเหตุของความวุ่นวาย
ยิ่งไปกว่านั้น อาจจะทำให้ชีวิตเต็มไปด้วยภาระหนัก

๒๒. หลายคนเชื่อแบบผิด ๆ ว่าความศักดิ์สิทธิ์มีอยู่ในการภาวนา การเทศน์สอน 
หรือความศักดิ์สิทธิ์ที่ได้จากแบบอย่างของบรรดาพระสงฆ์และนักบวชในยุคก่อนที่ฝากไว้ในโลกนี้
แต่แท้จริงแล้วยังมีอีกหลายคนที่ได้รับความศักดิ์สิทธิ์ผ่านทางแวดล้อมของสังคมและการเมืองที่ต้องการทั้งการภาวนาและแบบอย่าง

๒๓.  หลายคนอยากจะเข้าถึงความศักดิ์สิทธิ์ ที่อยู่นอกขอบเขตหน้าที่การงานของตน
เพราะอย่างนี้ โลกเราจึงไม่เปลี่ยนแปลง

๒๔.  คนเราจะกลายเป็นนักบุญได้ในสถานที่ที่เขาทำงานอยู่
ทหาร...สามารถเป็นนักบุญได้ในกองทัพ
คนป่วย...สามารถเป็นนักบุญได้ในโรงพยาบาล
นักเรียน...สามารถเป็นนักบุญได้ในโรงเรียน
เกษตรกร...สามารถเป็นนักบุญได้ในฟาร์ม
พระสงฆ์...สามารถเป็นนักบุญได้ในหน้าที่สงฆ์
และพนักงานของรัฐ...ก็สามารถเป็นนักบุญได้ในออฟฟิศ
ทุกย่างก้าวบนหนทางสู่ความสำเร็จนี้ คือ ก้าวแห่งการอุทิศตน
ทำตามบทบาทหน้าที่ ในชีวิตของแต่ละคน

๒๕.  บรรดานักบุญทั้งหลายสามารถเป็นนักบุญได้ มิใช่เพราะทำการประกาศเยี่ยงประกาศก 
หรือมิใช่เพราะการเนรมิตสิ่งมหัศจรรย์เท่านั้น 
แต่ด้วยการรับผิดชอบกิจการง่าย ๆ ธรรมดา ๆ ในกิจวัตรประวันต่างหากที่เป็นหลักสำคัญ

๒๖.  อย่างไรก็ตาม ภารกิจ ณ ขณะปัจจุบันนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ผ่านแล้วก็ผ่านเลยไป
แต่ต้องเป็นสิ่งที่เพิ่มพูนความใหม่ในตัวเราเสมอ
เป็นการตัดสินใจเลือกองค์พระผู้เป็นพระเจ้า
เป็นการแสวงหาพระอาณาจักรของพระเจ้า
และเป็นความเชื่อในความรักนิรันดรของพระเจ้าด้วย

๒๗.  พระประสงค์ของพระเจ้า คือ ใบผ่านทางเข้าสู่ประตูสวรรค์
มีกล่าวไว้ในพระคัมภีร์ว่า “ผู้ที่ปฎิบัติตามพระประสงค์ของพระบิดาของเรา ผู้สถิตในสวรรค์
ผู้นั้นแหละจะเข้าสู่สวรรค์ได้” (เทียบ มธ ๗:๒๑)

๒๘.  น้อมรับ...พระประสงค์ของพระเจ้า
เชื่อฟัง...พระประสงค์ของพระองค์
และรัก...พระประสงค์
คุณจะแสวงหาสิ่งอื่นใดนอกจากนี้อีกเล่า

๒๙.  หากบังเอิญว่า...
คุณต้องอดทนอดกลั้นกับความอัปยศอดสูบางอย่างในหน้าที่การงานของคุณ
ณ ขณะนั้น ให้คุณร่วมแบ่งความทุกข์บนกางเขนขององค์พระผู้เป็นเจ้า

๓๐.  “โอ้องค์พระผู้เป็นเจ้า ภาระของข้าพเจ้า นำข้าพเจ้าสู่เขากัลวาริโอ
และข้าพเจ้าคือสิ่งที่ถวายแด่พระองค์จนหมดสิ้น”
จงให้ประโยคข้างต้นนี้ เป็นคำตอบของคุณเสมอ

๓๑.  แค่คุณทำให้ภาระหน้าที่ประจำวันของคุณให้สำเร็จ
เท่านี้แหละ คือ หนทางการเป็นนักบุญ
การค้นพบและการเปิดเผยความจริงของเคล็ดลับนี้แหละ
จะนำสันติและกำลังใจมาสู่วิญญาณของคุณ

๓๒.  ที่จริงแล้ว ความตาย นั้น คือ การอุทิศตนขั้นสุดท้าย
ที่คุณต้องน้อมรับด้วยความสมัครใจ
และด้วยท่าทีที่เปี่ยมไปด้วยความรัก

๓๓.  หากว่าคุณพยายามทำให้ภาระหน้าที่ของคุณ สำเร็จลุล่วงได้ในทุก ๆ วัน
คุณก็จะรู้ซึ้งว่า...
แอกของพระเจ้านั้นอ่อนนุ่ม และภาระของพระองค์ที่ให้เราแบกก็เบา” (เทียบ มธ ๑๑:๓๐)

๓๔.  หากดวงวิญญาณของคุณยังกังวลและไม่มีความสุข
เพราะว่าคุณวางเงื่อนไขให้กับภาระหน้าที่ของคุณ
หรือไม่ก็เพราะว่าคุณได้ขีดเส้นเพื่อจำกัดขอบเขตการติดตามพระประสงค์ของพระเจ้า

๓๕.  หากคุณยังไม่ได้เชื่อมพระประสงค์ของพระเจ้าเข้ามาในชีวิตของคุณในทุก ๆ ช่วงเวลา
คุณก็อาจจะเริ่มไขว้เขวไปกับเรื่องต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน
ที่เป็นเรื่องธรรมดา ๆ เรื่อยเปื่อย ไม่น่าสนใจ น่าเบื่อหน่าย
แล้วคุณก็อาจจะตกขอบหนทางแห่งความหวังนี้ได้

๓๖.  ปัญหานี้แก้ไขได้ไม่ยาก
ก่อนที่คุณจะเริ่มทำสิ่งใดก็ตาม ให้คุณอธิษฐานว่า
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ควรทำอะไรดี?” (กจ. ๒๒:๑๐)
และเมื่ออธิษฐานแล้ว ก็ให้เดินต่อไปตามพระประสงค์ของพระเจ้า

๓๗.  หากพระเจ้าพอพระทัยจะให้ฝนตก...
หากพระองค์จะให้แดดออก...
หากพระองค์จะให้มีความยินดี...
หากพระองค์จะให้มีความลำบาก...
หรือหากพระองค์จะให้อดทนต่อความทรมานจากอะไรสักอย่าง...
คุณจะยอมรับสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้ไหม
การยอมรับ พระประสงค์ของพระเจ้า คือ เคล็ดลับแห่งความสุข
มีความสุขไปพร้อมกับพระประสงค์ของพระเจ้า

๓๘.  ในชีวิตประจำวันของเรา องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ประทานความสุขให้แก่เรา
เป็นความสุขจากการมีส่วนร่วมในธรรมล้ำลึกแห่งการไถ่บาป
สำหรับเราแต่ละคน
หนทางแห่งการเขน คือ หนทางที่เดินคู่ขนานไปกับภาระหน้าที่ในชีวิตของเรานั่นเอง

กิโลเมตรที่ ๑ การออกเดินทาง

กิโลเมตรที่ ๑
การออกเดินทาง

หากคุณยังยึดติดกับห่วงโซ่ทองคำ
แสดงว่าคุณยังไม่พร้อมสำหรับหนทางนี้

๑. บนหนทาง พระเจ้าทรงนำคุณเสมอ
ให้ท่านไปและทำจนเกิดผล และผลของท่านจะคงอยู่” (ยน ๑๕:๑๖)
หนทางที่ว่านี้ คือ หนทางแห่งความหวัง
ที่เรียกเช่นนี้ก็เพราะว่า บนหนทางนี้ เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังจริงๆ
และเป็นความหวังที่งดงามที่สุดเท่าที่ความหวังจะเป็นได้
ทำไมคุณจะยังไร้ความหวังอยู่เล่า
เพราะหากคุณเริ่มต้นที่จะเดินบนหนทางที่จะนำไปสู่พระบิดาเจ้านี้แล้ว
องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเยซูคริสตเจ้าของเราจะอยู่เคียงข้างคุณเอง

๒. การเดินทางบน หนทางแห่งความหวัง นี้ มี ๓ ช่วงด้วยกัน คือ
ช่วงแรก “การออกเดินทางเป็นช่วงของ “การละทิ้งตัวตนเอง”
ช่วงที่สอง “พระประสงค์ของพระเจ้า” เป็นช่วงของ “การแบกกางเขนของตนเองในแต่ละวัน”
ช่วงที่สาม “ความอดทน” หมายถึง “ตามเรามา” (เทียบ ลูกา ๙:๒๓)

๓. ถ้าคุณละทิ้งทุกอย่าง แต่คุณไม่ยอมละทิ้งตัวตนเอง
ก็เท่ากับว่าคุณยังไม่ได้ละทิ้งอะไรเลย
ทีละเล็กทีละน้อย
ไม่นานคุณก็จะเก็บกวาดรวบรวมสิ่งต่าง ๆ ทั้งหมดที่คุณทิ้งไปในตอนแรกนั้น
เข้ามาหาตัวตนของคุณอีกครั้งหนึ่ง

๔. ครั้งเมื่ออับราฮัมเริ่มออกเดินทาง
เพราะท่านหวังจะเข้าสู่ดินแดนแห่งพันธสัญญา
โมเสสเริ่มออกเดินทาง
เพราะท่านหวังว่าจะช่วยเหลือประชากรของพระเจ้าให้รอดพ้นจากความเป็นทาส
และเช่นเดียวกัน องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเยซูคริสตเจ้าของเราได้เสด็จลงมาจากสวรรค์
พร้อมกับความหวังที่จะกอบกู้มนุษยชาติ

๕. หากคุณจากบ้านเรือนของคุณ
เพื่อออกเดินทางไปยังดินแดนที่ห่างไกล ห่างออกไปสักประมาณหนึ่งพันไมล์
ทว่าตลอดการเดินทาง คุณยังพกพานิสัยที่ไม่ดี และ “ตัวตนเก่า” แห่งความชั่วร้ายของคุณไปด้วย
ก็เท่ากับว่าคุณไม่ได้ออกเดินทางไปไหนเลย

๖. เพราะเห็นแก่พระคริสตเจ้า
บรรดานักบุญทั้งหลายจึงเหมือนคนโง่เขลา (เทียบ ๑คร ๔:๑๐)
แต่กิจการทั้งหลายของบรรดานักบุญนั้น
เกินขอบเขตปัญญาของโลกนี้ที่จะเข้าใจได้

๗. หากคุณตั้งใจจะเริ่มต้นหนทางนี้
คุณต้องไม่แยแสกับคำพูดถากถางจากคนอื่น
ดูอย่างโหราจารย์ทั้งสาม ที่ออกเดินทางไปพร้อมกับความหวัง
หวังว่าจะได้พบองค์พระผู้ไถ่
แล้วพวกเขาก็ได้พบจริง ๆ
นักบุญฟรังซิส เซเวียร์ ออกเดินทางเพื่อนำข่าวดีสู่ปวงชน
ท่านไปพร้อมกับความหวัง แล้วท่านก็สมหวังเช่นนั้น
ส่วนนักบุญมารีอา กอแรตตี ได้ต่อสู้บนหนทางแห่งการถูกประจญ
ด้วยความหวังว่าจะได้พบกับองค์พระผู้เป็นเจ้า แล้วท่านก็ได้พบกับพระองค์จริงๆ

๘. เพื่อจะได้รับ...คุณจะต้องสูญเสีย
เพื่อจะมีชีวิต...คุณจะต้องสูญเสียชีวิต
เพื่อจะได้พบองค์พระผู้เป็นเจ้า...คุณจะต้องทิ้งทุกอย่าง
ดังเช่น บรรดาโหราจารย์ที่ต้องเผชิญทั้งอันตรายและการเยาะเย้ยดูถูก
นักบุญฟรังซิส เซเวียร์ ได้จากบิดามาราดาและละทิ้งสมบัติพัสฐานของท่านจนหมดสิ้น
ส่วนนักบุญมารีอา กอแรตตี ได้สละแม้กระทั่งชีวิตของท่าน

๙. จงมุ่งหน้าเดินตรงตลอดทาง บนหนทางแห่งความหวัง
ต้องตัดใจจากความอาลัยอาวรณ์ของคนที่คุณรัก
นักบุญเปาโลรู้ว่า “โซ่ตรวนและความยากลำบาก” กำลังรอท่านอยู่ (เทียบ กจ ๒๐:๒๓)
และพระเยซูเจ้าตรัสไว้ว่า
ถึงเวลาแล้ว ที่เราต้องไปกรุงเยรูซาเล็มเพื่อรับการทรมาน” (เทียบ มธ ๑๖:๒๑)
ทั้งนักบุญเปาโลและพระเยซูเจ้า ได้มุ่งหน้าต่อไปเพื่อทำให้กิจการนั้นสำเร็จไป

๑๐. ไม่สำคัญเลยว่าคุณจะรวยหรือจน
จะสูงศักดิ์หรือต่ำต้อย
จะมีคนสรรเสริญหรือเหยียดหยามคุณ
แต่เงื่อนไขสำคัญของเดินบนหนทางนี้คือ คุณต้องมุ่งหน้าต่อไป
แล้วรอคอยการเสด็จกลับมาของพระเยซูคริสตเจ้าองค์พระผู้ไถ่ด้วยใจยินดี

๑๑. องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสไว้ว่า “เราเป็นหนทางและความจริง” (ยน ๑๔:๖)
พระองค์ไม่เคยตรัสเลยว่า
ทุกสิ่งที่ประโคมข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์
หรือทุกสิ่งที่ถูกนำเสนอจากสื่อวิทยุหรือโทรทัศน์ คือ ความจริงแท้
แล้วเราจะเชื่อความจริงที่ไหนอีกเล่า นอกจากในพระองค์

๑๒. จงก้าวไปข้างอย่างไม่หยุดยั้ง อย่ายอมแพ้
เพราะไม่มีใครยกย่องคนที่ยอมแพ้กลางทาง

๑๓. อย่ายอมแพ้ต่อกิเลสตัณหา
ต่อความสันหลังยาว หรือต่อความเห็นแก่ตัว
เพราะคำว่า ดำ-ขาว ดี-ชั่ว หรือ คดโกง-ซื่อสัตย์
คุณจะเรียกรวมเป็นสิ่งเดียวกันไม่ได้เลย

๑๔. คุณคือคนหนึ่งที่มักตอบว่า “yes” กับทุกสิ่งหรือไม่
คุณมักตอบว่า “yes” กับอำนาจต่าง ๆ ในโลกและกับมาตรฐานสองซ้อนทางศีลธรรมหรือไม่
คุณมีจิตสำนึกที่มักจะปล่อยให้ตอบรับว่า “yes” กับบางสถานการณ์
โดยไม่คำนึงถึงคุณค่าทางศีลธรรมหรือไม่
ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้ว คุณจะเดินบนหนทางนี้ได้อย่างไร

๑๕. ความหยิ่งจองหอง ความเป็นอัตตา หรือความดื้อรั้น
ไม่ใช่สิ่งที่จะช่วยกำจัดคุณค่าทางศีลธรรมที่จอมปลอมออกไปได้
แต่เป็นมาตรฐานและคุณค่าทางศีลธรรมอันแท้จริงต่างหาก
ที่สามารถเป็นบทพิสูจน์ความเชื่อมั่นอย่างหมดใจได้

๑๖. จงเตรียมพร้อมที่จะละทิ้งทรัพย์สินและลาภยศ หรือแม้กระทั่งต้องสละชีวิตก็ตาม
เตรียมพร้อมเพื่อพิทักษ์อุดมการณ์ ความซื่อตรง และความเชื่อมั่นของคุณเอาไว้
เพื่อที่จะเดินบนหนทางนี้ได้ คุณไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากคุณต้องสละสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง

คำนำของผู้ถอดความ

เนื่องด้วยความรู้สึกส่วนตัว
อยากแบ่งปันสิ่งที่ได้รับจากการอ่านหนังสือ
 "The Road of Hope: a gospel from prison"
งานเขียนของพระคาร์ดินัล
Francis Xavier Nguyen Van Thuan
จึงอนุญาตถอดความจากหนังสือเล่มนี้
โดยมิได้มีเจตนาหรือผลประโยชน์ใด ๆ ทางการค้า
เพียงเพื่อต้องการแบ่งปันสิ่งที่มีคุณค่าต่อชีวิตด้านจิตใจแก่ทุกคน
หากมีผู้อื่น ที่ได้แปลงานนี้แล้ว
กระผมขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย
ผมว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน
หากว่ามีสำนวนการแปลหลาย ๆ สำนวน
เพื่อความเข้าใจมากขึ้น
ข้าพเจ้ามิได้เจตนาทำซ้ำ
เพื่อเป็นการเปรียบเทียบใด ๆ ทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม
ผมจึงขอสงวนลิขสิทธิ์สำนวนการถอดความในบล็อกนี้
ห้ามมิให้นำไปตีพิมพ์ ทำซ้ำ หรือดัดแปลงใด ๆ ทั้งสิ้น
เหตุเพราะว่าผู้เป็นเจ้าของต้นฉบับ
ทั้งภาษาเวียดนามและภาษาอังกฤษ
ได้สงวนงานนี้ไว้ หากจะเดือดร้อนต่องานแปลฉบับนี้
ข้าพเจ้าขอรับไว้แต่เพียงผู้เดียว

เขียนไว้ ณ กรุงโรม
วันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ค.ศ. ๒๐๑๐
ขอบคุณครับ