กิโลเมตรที่ ๑
การออกเดินทาง
หากคุณยังยึดติดกับห่วงโซ่ทองคำ
แสดงว่าคุณยังไม่พร้อมสำหรับหนทางนี้
“ให้ท่านไปและทำจนเกิดผล และผลของท่านจะคงอยู่” (ยน ๑๕:๑๖)
หนทางที่ว่านี้ คือ หนทางแห่งความหวัง
ที่เรียกเช่นนี้ก็เพราะว่า บนหนทางนี้ เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังจริงๆ
และเป็นความหวังที่งดงามที่สุดเท่าที่ความหวังจะเป็นได้
ทำไมคุณจะยังไร้ความหวังอยู่เล่า
เพราะหากคุณเริ่มต้นที่จะเดินบนหนทางที่จะนำไปสู่พระบิดาเจ้านี้แล้ว
องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเยซูคริสตเจ้าของเราจะอยู่เคียงข้างคุณเอง
ช่วงแรก “การออกเดินทาง” เป็นช่วงของ “การละทิ้งตัวตนเอง”
ช่วงที่สอง “พระประสงค์ของพระเจ้า” เป็นช่วงของ “การแบกกางเขนของตนเองในแต่ละวัน”
ช่วงที่สาม “ความอดทน” หมายถึง “ตามเรามา” (เทียบ ลูกา ๙:๒๓)
ก็เท่ากับว่าคุณยังไม่ได้ละทิ้งอะไรเลย
ทีละเล็กทีละน้อย
ไม่นานคุณก็จะเก็บกวาดรวบรวมสิ่งต่าง ๆ ทั้งหมดที่คุณทิ้งไปในตอนแรกนั้น
เข้ามาหาตัวตนของคุณอีกครั้งหนึ่ง
เพราะท่านหวังจะเข้าสู่ดินแดนแห่งพันธสัญญา
โมเสสเริ่มออกเดินทาง
เพราะท่านหวังว่าจะช่วยเหลือประชากรของพระเจ้าให้รอดพ้นจากความเป็นทาส
และเช่นเดียวกัน องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเยซูคริสตเจ้าของเราได้เสด็จลงมาจากสวรรค์
พร้อมกับความหวังที่จะกอบกู้มนุษยชาติ
เพื่อออกเดินทางไปยังดินแดนที่ห่างไกล ห่างออกไปสักประมาณหนึ่งพันไมล์
ทว่าตลอดการเดินทาง คุณยังพกพานิสัยที่ไม่ดี และ “ตัวตนเก่า” แห่งความชั่วร้ายของคุณไปด้วย
ก็เท่ากับว่าคุณไม่ได้ออกเดินทางไปไหนเลย
บรรดานักบุญทั้งหลายจึงเหมือนคนโง่เขลา (เทียบ ๑คร ๔:๑๐)
แต่กิจการทั้งหลายของบรรดานักบุญนั้น
เกินขอบเขตปัญญาของโลกนี้ที่จะเข้าใจได้
คุณต้องไม่แยแสกับคำพูดถากถางจากคนอื่น
ดูอย่างโหราจารย์ทั้งสาม ที่ออกเดินทางไปพร้อมกับความหวัง
หวังว่าจะได้พบองค์พระผู้ไถ่
แล้วพวกเขาก็ได้พบจริง ๆ
นักบุญฟรังซิส เซเวียร์ ออกเดินทางเพื่อนำข่าวดีสู่ปวงชน
ท่านไปพร้อมกับความหวัง แล้วท่านก็สมหวังเช่นนั้น
ส่วนนักบุญมารีอา กอแรตตี ได้ต่อสู้บนหนทางแห่งการถูกประจญ
ด้วยความหวังว่าจะได้พบกับองค์พระผู้เป็นเจ้า แล้วท่านก็ได้พบกับพระองค์จริงๆ
เพื่อจะมีชีวิต...คุณจะต้องสูญเสียชีวิต
เพื่อจะได้พบองค์พระผู้เป็นเจ้า...คุณจะต้องทิ้งทุกอย่าง
ดังเช่น บรรดาโหราจารย์ที่ต้องเผชิญทั้งอันตรายและการเยาะเย้ยดูถูก
นักบุญฟรังซิส เซเวียร์ ได้จากบิดามาราดาและละทิ้งสมบัติพัสฐานของท่านจนหมดสิ้น
ส่วนนักบุญมารีอา กอแรตตี ได้สละแม้กระทั่งชีวิตของท่าน
ต้องตัดใจจากความอาลัยอาวรณ์ของคนที่คุณรัก
นักบุญเปาโลรู้ว่า “โซ่ตรวนและความยากลำบาก” กำลังรอท่านอยู่ (เทียบ กจ ๒๐:๒๓)
และพระเยซูเจ้าตรัสไว้ว่า
“ถึงเวลาแล้ว ที่เราต้องไปกรุงเยรูซาเล็มเพื่อรับการทรมาน” (เทียบ มธ ๑๖:๒๑)
ทั้งนักบุญเปาโลและพระเยซูเจ้า ได้มุ่งหน้าต่อไปเพื่อทำให้กิจการนั้นสำเร็จไป
จะสูงศักดิ์หรือต่ำต้อย
จะมีคนสรรเสริญหรือเหยียดหยามคุณ
แต่เงื่อนไขสำคัญของเดินบนหนทางนี้คือ คุณต้องมุ่งหน้าต่อไป
แล้วรอคอยการเสด็จกลับมาของพระเยซูคริสตเจ้าองค์พระผู้ไถ่ด้วยใจยินดี
พระองค์ไม่เคยตรัสเลยว่า
ทุกสิ่งที่ประโคมข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์
หรือทุกสิ่งที่ถูกนำเสนอจากสื่อวิทยุหรือโทรทัศน์ คือ ความจริงแท้
แล้วเราจะเชื่อความจริงที่ไหนอีกเล่า นอกจากในพระองค์
๑๒. จงก้าวไปข้างอย่างไม่หยุดยั้ง อย่ายอมแพ้
เพราะไม่มีใครยกย่องคนที่ยอมแพ้กลางทาง
๑๓. อย่ายอมแพ้ต่อกิเลสตัณหา
ต่อความสันหลังยาว หรือต่อความเห็นแก่ตัว
เพราะคำว่า ดำ-ขาว ดี-ชั่ว หรือ คดโกง-ซื่อสัตย์
คุณจะเรียกรวมเป็นสิ่งเดียวกันไม่ได้เลย
๑๔. คุณคือคนหนึ่งที่มักตอบว่า “yes” กับทุกสิ่งหรือไม่
คุณมักตอบว่า “yes” กับอำนาจต่าง ๆ ในโลกและกับมาตรฐานสองซ้อนทางศีลธรรมหรือไม่
คุณมีจิตสำนึกที่มักจะปล่อยให้ตอบรับว่า “yes” กับบางสถานการณ์
โดยไม่คำนึงถึงคุณค่าทางศีลธรรมหรือไม่
ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้ว คุณจะเดินบนหนทางนี้ได้อย่างไร
๑๕. ความหยิ่งจองหอง ความเป็นอัตตา หรือความดื้อรั้น
ไม่ใช่สิ่งที่จะช่วยกำจัดคุณค่าทางศีลธรรมที่จอมปลอมออกไปได้
แต่เป็นมาตรฐานและคุณค่าทางศีลธรรมอันแท้จริงต่างหาก
ที่สามารถเป็นบทพิสูจน์ความเชื่อมั่นอย่างหมดใจได้
๑๖. จงเตรียมพร้อมที่จะละทิ้งทรัพย์สินและลาภยศ หรือแม้กระทั่งต้องสละชีวิตก็ตาม
เตรียมพร้อมเพื่อพิทักษ์อุดมการณ์ ความซื่อตรง และความเชื่อมั่นของคุณเอาไว้
เพื่อที่จะเดินบนหนทางนี้ได้ คุณไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากคุณต้องสละสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง
1 ความคิดเห็น:
ชีวิตเราก็ต้องเริ่มจากกิโลเมตรแรกเสมอเน๊าะ??
กว่าจะถึง..เป้าหมาย..คงต้องเดินไกลแน่นอน..
แต่..ความหวัง..ทำให้เราไม่ท้อเน๊าะคุณพ่อเน๊าะ??
แสดงความคิดเห็น